ขอให้สำลักความสุข ...ขอให้ทุกข์กระเด็น ...ขอให้เห็นรอยยิ้ม ...ขอให้อิ่มความรัก...ขอให้หนักเงินทอง ...ขอให้มองฟ้าสวย ...ขอให้รวยความฝัน ...ขอให้มั่นความดี ...ขอให้มีแรงใจ ...ขอให้สดใส สบายกายสบายใจ

วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ช่วยด้วย สตาร์ทรถไม่ติด :ปัญหาไฟรั่วในรถยนต์


ช่วยด้วย สตาร์ทรถไม่ติด :ปัญหาไฟรั่วในรถยนต์

           หลายวันก่อน มีรถมาให้ตรวจสภาพแบตเตอรี่ เพราะว่าตอนเช้า 

เริ่มสตาร์ทรถอืดๆ  ผมจึงได้ใช้เครื่องวิเคราะห์สภาพแบตเดอรี่  
 ( Midtronics MDX-P300 ) วัดดู ปรากฏว่า แบตเตอรี่ยังดี ค่าในการสตาร์ท (CCA) ยังสูง  
สอบถามดูว่า  เริ่มมีอาการเมื่ออาทิตย์ก่อน หลังจากนำไปติดตั้งเครื่องเสียง 
ผมจึงใช้หลอดไฟ 12 โวลท์ 7 วัตต์  เช็คไฟรั่ว พบไฟรั่วลงกรานด์   
 หลอดไฟติดสว่าง จึงแนะนำให้นำรถกลับไปให้ ร้านเครื่องเสียงแก้ไข  
 เพื่อนผมบอกว่าเกือบไปเปลี่ยนแบตฯ ใหม่อยู่แล้ว
 อย่างนี้ถ้าเข้าร้านแบตเตอรี่
ช่างก็จะบอกแบตฯเสื่อม เปลี่ยนอย่างเดียว
บางคน  จอดรถนานเกิน 1-2 วันไม่ได้  สตาร์ทรถไม่ติด มีเสียงเหมือนไฟอ่อน ทั้งๆที่แบตเตอรี่ไม่ได้เสื่อม แบตเตอรี่ยังใหม่ๆ ใช้ไม่ถึงปี ให้ช่างวัดกระแสไดชาร์จ  ก็เป็นปกติ แสดงว่าอาจจะมีไฟรั่วลงกราวด์อยู่หรือเปล่า ตรวจสอบขั้นต้นง่ายๆเพียง  ถอดขั้วลบของแบตเตอรี่ออก เวลากลางคืน ตอนเช้ามาใส่ขั้วลบตามเดิม จะสามารถสตาร์ทรถได้เป็นปกติ อาการไฟรั่วอาจสังเกตได้ง่ายๆ จากการลองเอาขั้วลบของแบตฯ ถอดออกมาแล้ว เวลาใส่กลับหากมาแตะๆ ตรงขั้วลบดู จะมีประกายไฟเล็กน้อยอาจเป็นเพราะไฟนาฬิกาของรถยนต์เรา แต่ถ้าประกายไฟแรง แสดงว่าอาจมีรั่วแน่ๆ
 ถ้าหากจะให้แน่ใจไปกว่านั้น ให้ทำตามวิธีการดังนี้
1. ให้เราปิด สวิทช์กุญแจ รวมถึงปิดประตูรถทุกบาน และปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า
ภายในรถยนต์ให้หมด
2. ทำการถอดขั้วลบของแบตเตอรี่ออก คราวนี้จะมีขั้วลบของแบตเตอรี่
 และสายไฟขั้วลบที่แยกออกจากกันแล้ว
3. นำสายไฟขั้วลบของรถ  แตะกับสายไฟขั้วลบของหลอดไฟขนาด 12 โวลท์
โดยใช้หลอดไฟแบบไส้ ประมาณ 7 วัตต์   หากเป็นหลอดวัตต์สูง 
จะไม่ติดและไม่เหมาะ เพราะถ้ารั่วน้อยๆจะดูไม่ออก
4. จากนั้นนำสายขั้วบวกของหลอดไฟ ไปแตะที่ขั้วลบของตัวแบตเตอรี่
5. สังเกตไฟที่หลอดไฟ มีความสว่างมากน้อยเพียงใด 
 ( ปกติจะสว่างเล็กน้อยหรือสว่างนิดเดียวแล้วดับวูบไป )
6. ในกรณีที่ไฟรั่ว ให้ปล่อยหลอดไฟ ในสภาพที่ไฟยังสว่างอย่างนั้น
7. เลือกถอดฟิวส์ที่กล่องฟิวส์ ทีละตัวไปเรื่อยๆ เช่น เครื่องเสียง ไฟหน้า
 ไฟเลี้ยว แตรฯลฯ   หากถอดตัวไหนออกไปแล้ว 
พบว่าไฟที่หลอดไฟทดสอบของเราสว่างน้อยลงแสดงว่า 
อุปกรณ์ของฟิวส์ตัวนั้นๆมีกระแสไฟเข้าตลอดเวลา นั่นคือไฟรั่วนั่นเอง
8. ทำการตรวจเช็คสายไฟทั้งหมดของอุปกรณ์นั้นๆ ต่อไปเพื่อหาจุดไฟรั่ว

หากจะให้แน่ใจมากไปกว่านี้อีก สามารถทำได้เช่นเดิมแต่แทนที่เรา
จะใช้หลอดไฟ 12 โวลท์ให้เราใช้ แอมป์มิเตอร์ต่ออนุกรมเข้าไปแทนที่ 
ซึ่งปกติรถจะกินไฟประมาณ 0.5 มิลลิแอมป์จากอุปกรณ์นาฬิกา
 และรีโมทวิธีนี้จะดีกว่า แอมป์มิเตอร์จะแสดงให้เห็นปริมาณของ
กระแสไฟเลยว่าไหลอยู่ในระบบกี่มิลลิแอมป์ 
ซึ่งผมจะกล่าว ในตอนถัดไป

ไม่มีความคิดเห็น: