แบตเตอรี่รถยนต์จัดเป็นเซลล์ไฟฟ้าเคมีที่เรียกว่าอิเล็คโตรไลตริกเซลล์นั่น คือเป็นเซลล์ไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดกระแสไฟฟ้าโดยการเคลื่อนที่ของอิเล็คตรอนที่ เกิดจากการแตกตัวของสารละลายอิเล็คโตรไลท์ที่สามารถแตกตัวให้อิเล็คตรอนได้ เมื่ออิเล็คตรอนเหล่านี้เกิดการเคลื่อนที่ก็จะก่อให้เกิดกระแสไฟฟ้าได้ ภายในแบตเตอรี่รถยนต์จะประกอบไปด้วยแผ่นตะกั่ววางเรียงกันด้วยระยะห่างที่ เท่าๆกัน ซึ่งบรรจุสารละลายกรดซัลฟิวริก (กรดกำมะถัน)
ไว้ด้วย เมื่อจะใช้งานครั้งแรกจะต้องมีการเติมน้ำกลั่นลงไปก่อนเพื่อให้เกิดการแตก ตัวของกรดและได้อิเล็คตรอนอิสระออกมา อิเล็คตรอนเหล่านี้จะเคลื่อนที่ไปในสารละลายและก่อให้เกิดกระแสไฟฟ้าขึ้นมา
แบตเตอรี่เหล่านี้เมื่อใช้ไปนาน
ๆ เข้าก็จะเกิดการเสื่อมสภาพ เนื่องจากเกิดการสะสมของเกลือซัลเฟต (SO42-)
ที่บริเวณแผ่นตะกั่ว การสะสมดังกล่าวจะมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเกิดเป็นฉนวนอย่างถาวร
และไม่สามารถจะนำไฟฟ้าได้ทำให้แบตเตอรี่ดังกล่าวเสื่อมคุณภาพ
http://chemsafe.chula.ac.th/waste/index.php?option=com_content&task=view&id=60&Itemid=80
การจะกำจัดเจ้าเกลือซัลเฟตนั้นออกไปนั้น
วิธีชาวบ้านทำ เริ่มจากคว่ำแบตเตอรี่ ทิ้งน้ำกรด แล้วผสมโซดาไฟกับน้ำร้อน เสร็จแล้วกรอกลงไปในช่องที่เราเติมน้ำกลั่นทัน ที ขั้นตอนนี้ควรระวัง เพราะโซดาไฟนั้นอันตรายทั้งกัดและแสบ
โดยโซดาไฟจะเข้าไปกัดแผ่นธาตุทำให้เกลือซัลเฟตหลุดออก
มา การแลกเปลี่ยนอิเล็คตรอนระหว่างสารละลายอิเล็คโตรไลท์กับแผ่นตะกั่วจึงทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม
เพราะความต้านลดลง ข้อเสียก็คือปริมาณแผ่นธาตุมันลดลงไปด้วยจากการกัดกร่อนของโซดาไฟ
แล้วจะจ่ายไฟให้ ดีเหมือนเดิม ย่อมเป็นไปไม่ได้
หรือหากโชคร้ายแผ่นธาตุมันทะลุ หัก ไป ก็ใช้การไม่ได้
ปัจจุบันมีบริษัทที่รับชุบชีวิตแบตเตอรี่ หรือฟื้นฟูแบตเตอรี่ เข้ามาให้บริการในบ้านเรากัน โดยใช้วิธีไฮเทคไม่ใช่แบบลูกทุ่งที่ว่าไปข้างต้น โดยใช้กระแสไฟฟ้า (Pulse) ที่มีค่ายอดคลื่นสูงและความถี่สูง ในการกระตุ้นแบตเตอรี่ แล้วป้อนกลับเข้าไปที่ขั้วของแบตเตอรี่เพื่อทำให้ผลึกของเกลือซัลเฟต (ขี้เกลือ) ที่จับเกาะอยู่ที่ผิวของแผ่นตะกั่ว สลายตัวแตกตัวหลุดออกไปเป็นสารละลายดังเดิม ทำให้ผิวของแผ่นตะกั่วสะอาดขึ้น ส่งผลให้การทำปฏิกิริยาทางไฟฟ้าระหว่างแผ่นตะกั่วกับสารละลาย มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น แบตเตอรี่สามารถรักษาระดับการเก็บประจุไฟฟ้าได้ดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น
ตามลิขสิทธิ์ที่เขาจดไว้ ที่อเมริกา เมื่อปี 1976 ( ลิขสิทธิ์ #3,963,976 ) จึงจะต้องทำวงจรอิเลคทรอนิคส์สร้างกระแสไฟฟ้าแบบความถี่สูง โวลต์สูง ๆ ช่วงสั้น ๆ ไปชาร์จแบตเตอรี่ การจ่ายกระแสไฟที่มีความถี่เหมาะสมกลับ เข้าไป ทำให้ผลึกเกลือซัลเฟต แตกตัวหลุดออกจากแผ่นธาตุ แผ่นธาตุไม่โดนโซดาไฟกัดจนบางเหมือนวิธีข้างต้นและมีอาย ุการใช้งานได้อีก เรียกว่าแทบจะใหม่กิ๊กเลยทีเดียว ในอนาคตหากแบตเตอรี่ ปรับราคาแพงขึ้นไปเรื่อยๆ คงเป็นการประหยัดเงินในกระเป๋าได้ดีทีเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น